“ถ้าคุณงดกินกาแฟ หรือซื้อร้านที่ถูกลงนาน 1 ปี ก็จะเหลือเงินไปเที่ยวต่างประเทศสบายๆ”✈️
“ถ้าคุณเลิกจ่ายค่าบริการสตรีมมิ่ง ก็จะเหลือเงินเอาไปลงทุนในคริปโต”
คุ้นๆ ไหม ฟังแล้วรู้สึกตั้งคำถามขึ้นมาเลยใช่ปะ จริงๆ เราก็ไม่ชอบที่จะไปตัดสินการใช้เงินของคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนอะ เรียกว่าเสียมารยาทเลยก็ได้ เพราะต้องยอมรับว่าเงินซื้อความผ่อนคลายได้จริง การใช้เงินยังทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจในการจับจ่าย เพิ่มความมั่นใจขึ้นได้มาก แต่ประโยคที่เราเห็นแล้วรู้สึกไม่เชื่อเลยก็คือ
“ระวังค่าใช้จ่ายแฝงที่เยอะเกินไปแบบไม่รู้ตัว”☠️
สมมติอย่างงี้นะ คุณเป็นพนักงานบริษัทเงินเดือนประมาณ 50,000 บาท มีค่าใช้จ่ายประจำต่อเดือนประมาณ 30,000 บาท อีก 20,000 บาทคือเงินออมหรือเงินเพื่อการลงทุน คุณมีเป้าหมายว่าพออายุ 45 จะลาออกจากงานประจำแล้วมีเงินเก็บสัก 10 ล้านบาท ถ้าตั้งหน้าเก็บเงินอย่างเดียวแบบไม่ลงทุนเลยสัก 20 ปีคุณก็น่าจะมีเงินประมาณ 5 ล้านบาท แต่ถ้าลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนไปด้วยก็น่าจะเข้าใกล้เงิน 10 ล้านบาทได้เร็วขึ้น
แต่
☝🏻ไม่คิดว่าในระหว่างนี้จะต้องเสียเงินไปกับการรักษาสุขภาพของตัวเองและครอบครัวบ้างหรอ
☝🏻ไม่คิดว่าในระหว่างนี้จะต้องซื้อรถ หรือซื้อบ้าน หรือซื้อทรัพย์สินชิ้นใหญ่บ้างหรอ
☝🏻ไม่คิดว่าในระหว่างนี้จะต้องไปเที่ยวต่างประเทศกับแฟนหรือครอบครัวบ้างหรอ
เพราะชีวิตในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นที่คิดว่าเก็บเงินเท่าไหร่จะเหลือเงินเท่านั้น #GoalsMapper เลยเป็นเครื่องมือใหม่ที่เราอยากแนะนำให้คุณลองใช้มันจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่คำนวณการลงทุนจากรายรับรายจ่ายของแต่ละคน แต่ยังสามารถสร้างสถานการณ์สมมติขึ้นมาได้ว่าถ้าในระหว่างทางคุณเจอวิกฤตการเงิน ทางออกที่ดีที่ยังไม่ทำให้คุณล้มละลายคืออะไร
🔈สำหรับคนที่อยากลองใช้ สามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ ตามนี้เลย
🔸1. ทักหา SUPP เลย: ส่งข้อความมาในอินบ็อกซ์เราได้ตลอดเวลา เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็จะมี Advisor ของเราติดต่อกลับไปเพื่อสอบถามความต้องการและเป้าหมายของการวางแผนการเงิน เพราะการเงินเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่สามารถเอาแผนของคนอื่นมาปรับใช้กับอีกคนได้
🔸 2. เริ่มเก็บข้อมูล: พอ Advisor ติดต่อไปแนะนำตัวแล้วก็จะเริ่มเก็บข้อมูลทุกอย่างลงโปรแกรม GoalsMapper ตรงนี้อาจจะใช้เวลาประมาณหนึ่งขึ้นอยู่กับภาระต่างๆ และการลงทุนของแต่ละคน เมื่อใส่ข้อมูลครบแล้ว โปรแกรมจะแสดงทุกอย่างออกมาให้เห็นทั้งเป็นแบบตัวเลข และ Dashboard ซึ่งเห็นภาพมากกว่าการจดบัญชีรายรับรายจ่ายลงสมุดหรือในโน้ตมากๆ
.
🔸 3. คำนวณแผนการเงินของแต่ละคน: ความสนุกของ GoalsMapper ก็คือมันสามารถจำลองสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตจริงได้ เช่น ถ้าเผื่อคุณมีเป้าหมายว่าจะเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณแต่บังเอิญป่วยก่อนและประกันไม่ครอบคลุมทั้งหมด สถานะการเงินจะเป็นอย่างไร ควรวางแผนการลงทุนแบบระยะสั้นไว้มากแค่ไหน หรือตอนนี้คุณอายุ 25 และอยากเกษียณตอนอายุ 45 มีเงินเหลือใช้สัก 15 ล้าน แต่ก่อนเกษียณอยากไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี ต้องเก็บเงินและลงทุนแบบไหนถึงจะปลอดภัย ซึ่งแบบนี้ปกติถ้าคิดเองจะใช้ระยะเวลาในแต่ละสถานการณ์จำลองนานมาก และถ้าจะปรับเปลี่ยนแต่ละอย่างก็กระทบอันอื่นไปหมด
🔸 4. ตั้งเป้าหมายและไปให้ถึง: เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งที่อยากได้คืออะไร ขั้นตอนต่อไปคือทำให้เป็นจริงให้ได้ คุณจะได้ Action Plan ของตัวเองมาพร้อมกับขั้นตอนอย่างละเอียดว่าต้องทำอะไรเป็นลำดับแรก ควรแบ่งการลงทุนเป็นกี่ก้อน ความเสี่ยงที่รับได้ประมาณเท่าไหร่ รูปแบบการลงทุนแบบไหนที่เหมาะกับแผนนี้ หรือแม้กระทั่งการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นแล้วนำเงินตรงนั้นไปลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น
.
🔸 5. ติดตามงาน: ข้อดีอย่างหนึ่งเวลาเรามีที่ปรึกษาทางการเงินคือเหมือนมีเพื่อนสนิทให้โทรถามตลอดเวลา เป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้นมาในระหว่างทาง มีเป้าหมายย่อยเพิ่มขึ้น หรืออยากลงทุนในรูปแบบใหม่ Advisor ของเราก็จะช่วยตอบคำถามและให้คำแนะนำกับคุณโดยดึงข้อมูลที่เคยให้ไว้ อัปเดตเพิ่มเติมและแสดงผล Dashboard เวอร์ชันล่าสุดว่าสุขภาพทางการเงินของคุณยังโอเคอยู่หรือเปล่า
📍ย้ำว่าตอนนี้ SUPP ยังให้บริการ GoalsMapper แบบไม่คิดค่าบริการอยู่ สนใจเข้าไปกรอกข้อมูลได้ที่ https://bit.ly/3kN2v9h แล้วจะมี Advisor ติดต่อกลับไปเร็วที่สุด!
📍ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ GoalsMapper เพิ่มเติมได้ที่ https://www.goalsmapper.com
