SmartPay 50-30-20 หลัก Shopping ยังไงก็ยังมีเงินเหลือ!

เป็นเรื่องปกติมากที่เราจะใช้การช้อปปิ้งมาบำบัดความเครียดที่ต้องเจอในแต่ละวัน ยิ่งเครียดยิ่งซื้อ 🤯 ขออธิบายนิดเดียวว่าที่การช้อปปิ้งคลายเครียดนั้นมาจากอำนาจของการใช้เงินที่เราสามารถควบคุมได้ การช้อปยังทำให้เราอยู่กับตัวเองมากขึ้น และคิดถึงอนาคตมากขึ้นว่าจะเอาของที่ซื้อไปทำอะไร

แต่การช้อปของฟุ่มเฟือยในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองก็ต้องมีสตินิดนึง ☝🏻 เชื่อว่าหลายคนเคยเห็นเพื่อนใช้จ่ายอย่างเต็มที่แต่ก็มาเดือดร้อนอย่างเต็มที่ตอนสิ้นเดือนเหมือนกัน หรือไม่ก็ต้องหยิบยืมคนอื่นเพื่อเอาไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เพราะหมดเงินไปกับสิ่งไม่จำเป็นไปเยอะแล้ว อย่างนี้ไม่ดีนะครับ แบบนี้ยิ่งช้อปยิ่งเครียด

เคยได้ยินหลักการ 50-30-20 กันไหม? วิธีบริหารจัดการเงินแบบง่ายมากๆ ที่จะช่วยให้เราทุกคนสามารถแบ่งค่าใช้จ่ายได้เป็นสัดส่วน ช้อปปิ้งก็สำคัญ แต่ผ่อนบ้านก็สำคัญเหมือนกัน การตั้งกฎเล็กๆ ให้กับตัวเองจะทำให้เราไม่หลงทาง และซื้อของได้อย่างสบายใจ

📍50 แรกคือส่วนที่เอาไว้ใช้สำหรับรายจ่ายที่จำเป็น เรารู้อยู่แล้วว่าเวลาเงินเดือนออก มีรายจ่ายไหนบ้างที่ต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือน เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเดินทาง ค่าอาหาร หรือเงินที่เอาไว้ให้พ่อแม่ก็ตาม ส่วนไหนที่ยังไม่ต้องจ่ายทีเดียวเช่นค่ารถไฟฟ้า หรือค่าอาหาร แนะนำให้แยกไว้อย่างเป็นสัดส่วนอีกที เช่น 5,000 บาทต่อเดือน จะได้ไม่ต้องหมุนเงินใช้ให้วุ่นวาย

📍30 ต่อมาคือรายจ่ายเพื่อความสุข ตรงนี้หละคือโบนัสของการทำงานหนัก อยากเอาไปใช้อะไรก็เชิญเลย ความฟุ่มเฟือยของบางคนอาจไม่ใช่ของแบรนด์เนม แต่เป็นการลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ หรือคอร์สการเล่นหุ้นเบื้องต้นเพื่อเพิ่มความรู้ให้กับตัวเอง จะทำอะไรก็ได้ไม่ว่ากัน

📍20 ที่เหลือคือเงินเก็บ ถึงแม้จะเรียกว่าเงินเก็บแต่เราอยากให้คุณลองศึกษาเรื่องการลงทุน เช่น ถ้ามีเงินก้อนนี้ 2,000 บาทต่อเดือน แทนที่คุณจะปล่อยให้นอนอยู่ในบัญชีเฉยๆ ลองดูว่าสามารถทำให้เงินจำนวนนี้สร้างดอกผลให้คุณได้ไหม เช่น ซื้อสลากออมสิน ลงทุนในหุ้น หรือซื้อประกันก็ได้

อธิบายมาทั้งหมดเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่วินัยในตัวเราเนี่ยสร้างยากที่สุดแล้ว 😅 เอาเป็นว่าลองจินตนาการดูสิว่าถ้าคุณใช้เงินหมดก่อนสิ้นเดือน ชีวิตจะลำบากและเครียดแค่ไหน สถานการณ์ตอนนี้เอื้อให้คุณปฏิเสธการใช้จ่ายบางอย่างได้ทันที เช่น กระเป๋าใบใหม่ที่แพงเกินไป เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใส่ หรือการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ยังไปไม่ได้ ถ้าพรุ่งนี้เกิดประสบอุบัติเหตุแล้วมีความจำเป็นต้องใช้เงินแบบเร่งด่วน เมื่อนั้นหละคุณถึงจะรู้สึกว่าถ้ามีเงินสำรองไว้ก็ดี 💵

🎯ถ้าใครคิดว่าไม่ไหวแน่นอน #แนะนำให้ตั้งเป้าหมายกับตัวเองเป็นเป้าหมายระยะสั้น ที่เราสามารถไปถึงได้หากใช้ความพยายามและความอดทน เช่น อยากซื้อกระเป๋าใบละ 12,000 บาท เอามาหิ้วเก๋ๆ เวลาไปจ่ายตลาด ลองวางแผนว่าควรใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ดีถึงได้กระเป๋าใบนั้นมาครอบครองแบบไม่เดือดร้อน เช่น ตั้งใจเก็บเงินเดือนละ 3,000 บาท ในระยะเวลา 4 เดือน ถ้าเงินในจำนวนนั้นยังอยู่ในงบ 30% ของเงินเดือน และมั่นใจว่าเงินส่วนอื่นๆ ที่แบ่งไว้ครอบคลุมรายจ่ายทั้งหมดแล้ว ก็จัดเลย ถือว่าตอบแทนความตั้งใจในการทำงานที่ผ่านมา

⚠️ ขอเตือนไว้สั้นๆ ตรงนี้อีกนิดนึงว่า เงินตรงส่วน 30% นี้ไม่รวมกับรายจ่ายเรื่องจำเป็นในชีวิตของคุณนะ เราขอนับว่าบุฟเฟ่ต์มื้อละ 899+ ก็อยู่ในส่วนนี้ ไม่เอาไปรวมกับค่าอาหารใน 50% ก้อนแรก เพราะถือว่าเป็นมื้อพิเศษที่ไม่ได้กินทุกวัน ค่ากาแฟตอนขับรถไปกินที่คาเฟ่ต่างจังหวัดก็เหมือนกัน อะไรก็ตามที่รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมีแต่อยากมี ขอให้อยู่ในส่วนนี้หมดเลย

แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า 30% นั้นเยอะไปสำหรับการใช้จ่ายกับเรื่องฟุ่มเฟือย ก็โอเค ไม่ได้บังคับให้ใช้หมด แต่คุณจะมีเงินเก็บมากขึ้นเพราะเปลี่ยนสัดส่วนเงินออมจาก 20% เป็น 30% หรือมากกว่านั้นก็ได้ สัดส่วนทั้งหมดนี้เปลี่ยนได้เองตามสภาพจริงที่เอาไปใช้ ขออย่างเดียวว่าอย่าให้ค่าช้อปปิ้งมากกว่ารายจ่ายที่จำเป็นละกัน!

💡อ้อ! รายจ่ายจากบัตรเครดิตไม่นับนะ อันนั้นถือเป็นการใช้เงินในอนาคต ใช้ปุ้บเป็นหนี้ปั๊บ ถ้ารูดบัตรซื้อของเพราะอยากได้แต้ม ควรจ่ายเงินเติมเข้าไปทันทีให้จบกันไปเลย แบบนี้ถึงจะเรียกว่ารู้จักใช้เงิน

Money > Life > Goals

SUPP #ทรัพย์

1 thoughts on “SmartPay 50-30-20 หลัก Shopping ยังไงก็ยังมีเงินเหลือ!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *